มีเรื่องที่น่าแปลกสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติที่พัฒนาแล้วทำไมเขาถึงได้ทำตัวแบบนี้แล้วแบบนี้อีกหน่อยจะเป็นอย่างไร โตมาจะเป็นอย่างไร ไม่เห็นเหมือนคนไทยเลยที่เลี้ยงดู ประคบประหงมกันตั้งแต่อยู่ในท้อง จนโตอายุจะ 20 แล้วก็ยังต้องดูแลเช็ดก้นให้กันอยู่เลย แบบนี้สิถึงจะถูกต้อง เพราะคำว่าเป็นห่วงมันยังมีภาระผูกพันกันไปจนกว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องตายจากไปเสียก่อนถึงจะหมดภาระและความเป็นห่วง
มันถูกต้องแล้วหรือ ในความเป็นจริงแต่เด็กฝรั่งทำไมเขาถึงได้เล่นกลางแดด อยู่กับดินกับทรายแล้วก็ไม่ค่อยจะเป็นอะไรกันมากนัก ก็เพราะเขามีวินัยกันทั้งนั้น เวลาที่จะให้เด็กเล่นอะไรก็แล้วแต่จะมีการกำหนดเวลามีการจำกัดพื้นที่การเรียนรู้ให้พอเหมาะ การเจ็บบ้าง ล้มบ้างเป็นเรื่องที่เด็กจะต้องเรียนรู้ มิใช่ว่าเมื่อเด็กล้มแล้วไม่ลุกผู้ใหญ่ต้องมาทำการอุ้มหรือพาให้ลุกถึงจะยอมแบบนั้น นอนร้องไห้ถ้าไม่มีใครมาดูแลก็ไม่ยอมจนสุดท้ายเลยเกิดคำว่า “พ่อแม่รังแกฉัน”
กว่าจะมาถึงจุดนี้ เด็กที่กำลังจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ กว่าร้อยละ 80 ก็ไม่เข้าใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว พอเข้าโรงเรียนเจอเพื่อนที่ไม่รู้จักไม่ยอมให้กับตนก็บอกว่าเพื่อนไม่ดี หรือครูอาจารย์ที่สอนนักเรียนทั้งชั้น แต่มีเพียงแค่ลูกของคุณเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ พ่อแม่ก็ไปโทษว่าครูนั้นสอนไม่ดี ทั้งลูกคุณเองต่างหากที่ไม่ตั้งใจเรียน แบบนี้ควรต้องจับพ่อแม่มาเรียนมาดูวิธีการสอนก่อนถึงจะถูกต้อง ทำให้ทุกวันนี้มีคลิปมีการนำรูปภาพต่างๆ ออกมาประจานกัน จนสุดท้ายคนที่โพสคนแรกคิดว่าตนเองนั้นถูก กลับถูกสังคมประณามกันเกือบจะต้องย้ายประเทศออกไป หรือ อาจจะต้องขุดรูอยู่เพราะสังคมไม่ยอมรับ
การสอนลูกที่ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดี คือการทำให้เด็กเข้าใจว่าผิดคืออะไร และสอนให้ใช้คำว่าขอโทษ เท่ากับการบอกว่าขอบคุณ สิ่งที่ผิดต้องมีการแนะนำสิ่งที่ถูก ไม่ใช่ว่าลูกคุณถูกเสมอ เพราะในวันหนึ่งที่ลูกคุณคิดว่าถูกตลอดเวลา เจอคำสอนจากผู้ปกครองหรือพ่อแม่ไปอีกครั้งแบบจริงจัง ก็จะกลายเป็นกำแพงว่าเมื่อก่อนพ่อแม่ไม่เห็นเป็นแบบนี้ แต่ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ แล้วลูกก็จะเข้าสู่สังคมด้านมืด ซึ่งทุกวันนี้ไม่ได้ยากเลยที่จะเข้าหาทางที่ผิด คิดหาแต่ทางที่ตนเองชอบและคิดว่าถูกต้องการเป็นภัยสังคมกันต่อไป
ถ้าฝรั่งต่างชาติเขาทำมาดี เราก็แค่นำมาต่อยอมให้เหมาะกับบ้านเราก็เท่านั้นอย่างการให้เด็กได้เจอกับเพื่อนแล้วได้เล่นด้วยกัน อาจจะเป็นการเล่นบนกองดินกองทรายบ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พ่อแม่จะบอกว่ามันสกปรก แต่พอพาไปที่ทะเลปล่อยให้ลูกนั่งเล่นริมทะเลได้ไม่สกปรก พ่อแม่ก็นั่งแกะปูกินเบียร์มองดูลูกเล่นไป การเล่นทรายเล่นน้ำได้แต่เพียงแบบนี้เท่านั้นหรือ หรืออย่างการให้เด็กได้เล่นในวันหยุดบ้างได้เรียนรู้สิ่งรอบตัวว่าคืออะไร ไม่ใช่แค่การเรียนอย่างเดียวหวังว่าการเรียนต้องมาเป็นอันดับหนึ่งตลอด พอได้แค่ ที่ 3 กลับกลายเป็นเรื่องเสียใจของพ่อแม่ไป ปากของพ่อแม่อาจจะบอกว่าไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวเทอมหน้าเอาใหม่ แต่ในใจพ่อแม่นั้นกลายเป็นการสร้างสิ่งเดิมเพิ่มเติมคือหนังขึ้น เพิ่มการเรียนพิเศษ งดการเรียนรู้สิ่งรอบตัว แต่ให้เด็กก้มหน้าอ่านแต่หนังสือต้องจำให้ได้ทุกตัวอักษร ต้องจำให้ได้ทุกสูตรที่เรียนมาเพื่อจะได้กลับมาเป็นที่ 1 อีกครั้งต้องแพ้ลูกข้างบ้านไม่ได้
มันไม่มีจริงอีกแล้ว ถ้าดูกันในทุกวันนี้ เด็กหลังห้องทั้งนั้น เกรดเฉลี่ยก็แค่สองกว่าๆ ที่เป็นเจ้าของกิจการ เป็นคนที่สามารถทำงานทำเงินได้อย่างมีความสุข แต่คนที่เรียนดี ไม่เคยมีกิจกรรม เป็นได้เพียงลูกน้องที่ไว้ท่องจำแทนเจ้านาย เพราะความคิดหรือความสามารถที่เคยอยู่ในตัว ได้ถูกเก็บใส่กล่อง ฝั่งดิน แถมด้วยการโบกปูนทับไปหมดเรียบร้อยแล้ว จะลองนำมาใช้ดูสักครั้งก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าถ้าผิดพลาดไป โอกาสที่จะเสียงาน ตกงานก็จะตามมา ซึ่งต่างจากเด็กหลังห้องที่เรียนแค่รอดมาตลอด แต่กิจกรรมไม่เคยคาด ได้ตามหาสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะกิจกรรมของทางโรงเรียน กิจกรรมของส่วนรวมทุกอย่างได้ลงมือทำหมด ได้นำสมองที่เป็นอัจฉริยะซ่อนไว้ออกมาทดลองในระหว่างการเรียน ลองผิดลองถูกจนรู้ว่าตนเองนั้นเก่งด้านไหน เวลาได้ทำงานจริงเจอกับปัญหาจริงๆ ก็จะทำการแก้ปัญหาตรงหน้าได้ทันที ต่างจากคนที่ได้เกรด 4 ทุกวิชาโดยสิ้นเชิง
คนที่จะประสบความสำเร็จได้ จำเป็นที่สุดคือต้องล้มเป็นและลุกได้ ลูกของคุณก็เช่นกัน ถ้าเขาล้มและร้องไห้ก็ต้องปล่อยให้เขาลุกขึ้นมาเอง ถึงแม้จะเจ็บปวดใจพ่อแม่แบบแสนสาหัส แต่เด็กจะมีความคิดว่าเราต้องลุกเพื่อให้ไปต่อได้ ถ้าคุณช่วยตั้งแต่ตอนนี้ ก็จะกลายเป็นการสร้างนิสัยที่ผิดให้กับลูกของคุณต่อ ช่วยเพียงครั้งเขาก็จะจำ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกก็จะทำแบบนี้อีกเพราะมันเคยทำได้ผลมาแล้ว แล้วแบบนี้คุณจะต้องเตรียมตัวไว้เท่าไหร่เพื่อจะช่วยลูกคุณไปจนครบอายุ 100 ปีได้